“มัสยิดและหอเอนเก่าแก่” อายุ 850 ปีในอิรัก ถูกไอซิสระเบิดทำลายราบ

284

Euronews –   หอเอนเก่าแก่โบราณสูงตระหง่านที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโมซุล เมื่อวันพฤหัสบดี (22 มิ.ย.) ได้หายลับไปจากเส้นขอบฟ้าของนครใหญ่อันดับสองของอิรักแห่งนี้เป็นครั้งแรกในรอบระยะเวลา 850 ปี หลังจากในคืนวันพุธ (21 มิ.ย.) กลุ่มไอซิสที่กำลังล่าถอย ได้ระเบิดทำลายมัสยิดใหญ่ของโมซูล ที่ผู้นำสูงสุดของพวกเขาเคยใช้แถลงสถาปนาการปกครองแบบกาหลิบในปี 2014 รวมทั้งหอเอนที่ใช้ประกาศให้ศาสนิกมาทำละหมาดแห่งนี้ก็กลายเป็นกองปรักหักพัง

การระเบิดทำลายเมื่อคืนวันพุธ (21) สร้างความเสียหายหนักให้แก่มัสยิดใหญ่ อัล-นูรี ของเมืองโมซุล ซึ่ง อบู บักร์ อัล-บักดาดี ผู้นำสูงสุดไอซิส ประกาศสถาปนาการปกครองแบบกาหลิบเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ปี 2014 และหออะซานหรือหอสูงที่ใช้ประกาศให้ศาสนิกมาละหมาดของมัสยิดแห่งนี้ ซึ่งมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากที่อื่นนั่นคือเป็นหอเอน และมีชื่อว่า “ฮัดบา” (หลังค่อม) ก็อยู่ในสภาพเป็นซากหักพัง

การสูญเสียหออะซานยุคศตวรรษที่ 12 ที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว และเป็นหนึ่งในศาสนสถานเก่าแก่ซึ่งเป็นที่รู้จักจดจำได้มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ โดยบางครั้งก็เรียกขานอ้างอิงกันว่าเป็นหอเอนปิซาแห่งอิรักนี้ ทำให้ทั่วประเทศตกอยู่ในอาการช็อก…!

หลังการระเบิดทำลายในคืนวันพุธ กลุ่มไอซิส ออกคำแถลงอย่างรวดเร็วผ่านสำนักข่าวที่เป็นกระบอกเสียงของกลุ่ม กล่าวหากองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ เป็นผู้ทำลายมัสยิดอัล-นูรีและหอเอนอัล-ฮัดบา

มัสยิดใหญ่อัล-นูรี สร้างขึ้นครั้งแรกในช่วงปี 1172-1173 และตั้งชื่อตามชื่อของนารุดดิน อัล-ซานกี ขุนนางที่ร่วมต่อสู้ในสงครามครูเสดยุคแรกๆ หลังจากนั้นก็ได้มีการซ่อมแซมบูรณะกันอยู่หลายครั้ง รวมทั้งซ่อมแซมบูรณะครั้งใหญ่ในปี 1511 ขณะที่หอเอนอัล-ฮัดบา ซึ่งสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1172 มีความสูง 45 เมตร กลายเป็นสิ่งก่อสร้างเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่ของมัสยิดดั้งเดิม

การทำลายสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองโมซุลครั้งนี้ถือเป็นครั้งล่าสุดที่ไอซิสทำลายมรดกทางวัฒนธรรมของอิรักนับจากที่บักดาดีสถาปนาตัวเองเป็นกาหลิบเมื่อสามปีที่แล้ว