มุมมองของนักวิชาการ-บุคคลสำคัญ องค์กร และฝ่ายต่างๆ ทั่วโลก ต่อสถานการณ์ในเยเมน

2463
อิสมาอีล อัลวะซีร สมาชิก สภาการเมืองของกลุ่มอันศอรุลลอฮ

อิสมาอีน อัลวะซีร มีทัศนะว่า ในการบุกโจมตีเยเมน เป็นการชี้ให้เห็นถึงการสูญเสียศักยภาพของสันนิบาตอาหรับ ทั้งนี้ เขาได้อธิบายเหตุผลว่า “เป็นเรื่องหน้าแปลกใจที่บรรดาผู้นำของสันนิบาตอาหรับมีความเห็นเป็นหนึ่งเดียวกันในการรุกรานต่อต้านประเทศอาหรับประเทศหนึ่ง ซึ่งอยู่ในสภาพที่ถูกกดขี่อย่างชัดเจน และสิทธิของพวกเขาได้ถูกเหยียบย่ำทำลาย แต่พวกเขากลับไร้ความสามารถที่จะตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ระบอบไซออนิสต์ได้กระทำกับประชาชนปาเลสไตน์และประเทศอาหรับ อื่นๆ”

เช่นเดียวกัน อิสมาอีล ยังได้วิจารณ์ถึงความอยุติธรรมของกลุ่มประเทศอาหรับว่า “(อิสราเอล) ได้ละเมิดอำนาจอธิปไตยของกลุ่มประเทศอาหรับในปาเลสไตน์ เลบานอนและซีเรีย แต่บรรดาผู้นำของประเทศอาหรับกลับหลับหูหลับตาและเห็นชอบกับการละเมิด อธิปไตยดังกล่าวนี้ แต่เมื่อประชาชนชาวเยเมนได้กู่ร้องต่อต้านการกดขี่และเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ในการตัดสินใจ บรรดากษัตริย์และผู้นำอาหรับกลับมารวมตัวกันในการตกลงกันที่จะบีบังคับให้ ประชาชนของชาตินี้ยอมรับความต่ำต้อยไร้เกียรติ และทำลายเจตนารมณ์ในการเลือกและการตัดสินใจไปจากพวกเขา” [1]

 

กษัตริย์โอมาน

ในความเห็นของกษัตริย์โอมาน  การบุกโจมตีเยเมน ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และการโจมตีในครั้งนี้ อาจจะเป็นสาเหตุที่นำไปสู่อันตรายต่อราชวงศ์ซาอุดิอาราเบียเอง ทั้งนี้ กษัตริย์โอมาน ได้ส่งจดหมายเตือนไปยังกษัตริย์ซัลมานให้ยุติการโจมตีในครั้งนี้ พร้อมทั้งยังชี้อีกว่า การโจมตีเยเมน เป็นกลลวงอย่างหนึ่ง ที่สหรัฐได้วางกับดักไว้เพื่อทำลายเสถียรภาพและความมั่นคงของรัฐบาลซาอุดิอาราเบีย [2]

 

อะลี อัลออะห์มัด นักวิเคราะห์การเมือง,ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาอ่าวเปอร์เซีย

อะลี อัลอะฮหมัด มีทัศนะต่อประเด็นนี้ว่า การบุกโจมตีเยเมน โดย ซาอุดิอาราเบีย จะนำความพ่ายแพ้มาสู่ซาอุดิอาราเบีย อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้  อะลี อัลอะฮหมัด ได้วิเคราะห์ถึง เป้าหมายของซาอุดิอาราเบียว่า ซาอุดิอาระเบียต้องการที่จะครอบงำเยเมนตลอดไป และต้องการออกแบบให้เยเมนเป็นไปตามที่ตนต้องการ เมื่อประชาชนชาวเยเมนได้ตัดสินใจที่จะกำหนดชะตากรรมด้วยมือของพวกเขาเอง สำหรับรัฐบาลของประเทศซาอุดีอาระเบียแล้วไม่อาจยอมรับได้ ดังนั้นซาอุดิอาระเบียจึงดึงประเทศอาหรับอื่นๆ ในอ่าวเปอร์เซีย ปากีสถานและจอร์แดน เข้ามาร่วมกับตนเองในการโจมตีเยเมน บรรดาเจ้าหน้าที่ของซาอุดิอาระเบียคิดว่า พวกเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของประชาชนชาวเยเมน ที่ต้องการจะเป็นเอกราชและเลือกระบบการเมืองของตนได้ด้วยกับการโจมตีเหล่า นี้”

เช่นเดียวกัน เขาได้อธิบายถึงสาเหตุที่วิเคราะห์ว่า ซาอุจะแพ้ในศึกครั้งนี้ว่า หากเปรียบเทียบสถานการณ์ตอนนี้กับการโจมตีในปี 2009 ในช่วงเวลานั้นกองทัพของซาอุดิอาระเบียได้ทำการต่อสู้กับกลุ่มเฮาซีย์ซึ่ง ยังมีขนาดเล็ก ทั้งๆ ที่กลุ่มนี้กำลังต่อสู้กับกองทัพของรัฐบาลเยเมนในขณะนั้นด้วย แต่ในที่สุดก็สามารถเอาชนะซาอุดิอาระเบียได้อย่างง่ายดาย แต่มาตอนนี้กองทัพของซาอุดิอาระเบียไม่ได้ต่อสู้กับกลุ่มเฮาซีย์ แต่ทว่าต่อสู้กับขบวนการเคลื่อนไหวอันซอรุลลอฮ์ ซึ่งเป็นขบวนการต่อสู้ที่ใหญ่กว่า พร้อมกับกองทัพบกและกองทัพอากาศของเยเมน”

นักวิเคราะห์การเมืองผู้นี้ได้กล่าวเสริมว่า “ในช่วงเวลานั้นกลุ่มเฮาซีย์ เป็นขบวนการเคลื่อนไหวขนาดเล็ก ไม่เคยได้รับการฝึกอบรมทางทหาร และไม่มียุทโธปกรณ์ทางทหารอยู่ในครอบครอง แต่ก็สามารถสร้างความพ่ายแพ้ให้กับซาอุดิอาระเบียได้ แต่ตอนนี้กลุ่มนี้ได้กลายเป็นกองกำลังที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ผ่านการฝึกอบรมทางทหารและมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่พร้อมกว่าเดิม และสามารถที่จะยึดครองดินแดนของซาอุดิอาระเบียได้ ดังนั้นผมจึงไม่แปลกใจที่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ผมจะเห็นกองกำลังของเยเมนเข้าไปอยู่ในดินแดนของซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากเยเมนนั้นอยู่ติดกับเมือง “ญีซาน” ซึ่งพื้นที่เป็นภูเขา และกองกำลังของเยเมนสามารถเข้าสู่เมืองนี้ได้อย่างง่ายดาย”

อะฮหมัด ยังได้วิจารณ์ถึงเหตุผลที่ทางการซาอุ ได้หยิบยกนำมาใช้ เพื่อเป็นข้ออ้างในการเปิดสงครามว่า เหตุผลของทูตซาอุดี อาระเบียในกรุงวอชิงตันนั้นช่างเป็นเรื่องตลก เขากล่าวว่า เขาคาดหวังจากซาอุดิอาระเบียว่าจะทำหน้าที่พิทักษ์ปกป้องความถูกต้องชอบธรรม (อดีตประธานาธิบดี อับดุร็อบบิฮ์ มันซูร ฮาดีย์) รัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งของเยเมนเอาไว้ให้ได้ ในขณะที่ประเทศซาอุดีอาระเบียเองไม่มีรัฐธรรมนูญ ไม่มีการเลือกตั้งและเป็นประเทศที่มีรัฐบาลที่ไร้ความชอบธรรม และนอกจากนี้ซาอุดีอาระเบียเองยังให้การสนับสนุนการล้มล้างประธานาธิบดีที่ มาจากการเลือกตั้งของอียิปต์ แต่ประเด็นนี้กลับไม่มีการพูดถึง”

“ในความเป็นจริงแล้ว ซาอุดีอาระเบียไม่ได้เข้าสู่ประเทศเยเมนเพื่อการปกป้องประชาชนของประเทศนี้ การโจมตีเยเมนของซาอุดิอาระเบียไม่ใช่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศนี้ หรือของประชาชนชาวเยเมนแต่อย่างใด แต่ในความเป็นจริงแล้วซาอุดิอาระเบียเพียงต้องการที่จะยับยั้งการหลุดพ้นของ เยเมนออกจากอำนาจครอบงำของตน ด้วยเหตุนี้ผมคิดว่าสงครามครั้งนี้จะยืดเยื้อยาวนาน” [3]

 

ฮิสบุลลอฮ

ในมุมมองของฮิสบุลลอฮ การบุกโจมตี เยเมน โดยซาอุ ถือเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม  ฮิสบุลลอฮ ถือว่า ข้ออ้างต่างๆที่ นาย อาเดล อัล-ญูเบร์ เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำสหรัฐฯ แถลงที่กรุงวอชิงตันเมื่อช่วงปลายเดือนมี.ค. ล้วนแล้วแต่เป็นข้ออ้างที่เป็นเท็จ  และยังได้ระบุว่า สาเหตุที่ซาอุดิอาราเบีย ทำการโจมตีประเทศเยเมน มีเป้าหมายเพื่อเข้าไปมีอำนาจ และเข้าไปยึดครองเยเมนใหม่อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ซัยยิด ฮะซัน นัศรุลลอฮ ได้อธิบายเหตุผลว่า ที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตรซึ่งนำโดยซาอุดิอาระเบีย ไม่มีการแสดงท่าทีใดๆ ต่อการตื่นตัวโลกอิสลาม ในตะวันออกกลางและในแอฟริกาเหนือ และไม่ได้เข้าแทรกแซงและปฏิบัติการโจมตีกลุ่มนักปฏิวัติในตูนิเซีย และอียิปต์แต่อย่างใด แต่สถานการณ์ในเยเมนเป็นข้ออ้างที่จะเริ่มต้นทำสงครามนองเลือดในประเทศ

นอกจากนี้ ซัยยิด ฮะซัน นัศรุลลอฮ ยังวิจารณ์ ถึง ปฏิบัติการ “พายุแกร่ง” ด้วยอีกว่า เป็นปฏิบัติการไม่เคยเกิดขึ้นกับประเทศที่คุกคามประชาชาติอิสลามอย่างแท้จริง อย่าง อิสราเอล แต่กลับมาใช้ปฏิบัติการนี้กับ เยเมน ชาติอาหรับทีมีความยากจนที่สุดในประเทศอาหรับ และยังรุมกันโจมตีประเทศนี้ เขากล่าวว่า  ซาอุฯ ตั้งชื่อ การปฏิบัติการโจมตีเยเมนว่า “พายุแกร่ง”  ในขณะเดียวกันมันเป็นความเจ็บปวดมาก สำหรับชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยติดกับชายแดนอยู่ซาอุดีอาระเบียนานนับทศวรรษ  แต่กลับไม่เคยเห็นแม้แต่สายลมแห่งความเด็ดเดี่ยวในการช่วยเหลือสนับสนุนชาวปาเลสไตน์และต่อสู้โจมตีอิสราเอล”

ซัยยิด ฮะซัน นัศรุลลอฮ ได้กล่าวถึง วิธีการที่จะยุติการหลั่งเลือดนี้ว่า “การเจรจาเป็นหนทางเดียวที่จะยุติวิกฤติความตึงเครียดจากศึกแย่งชิงอำนาจในเยเมน”[4]

 

ทามมาม์ ซาลาม นายกรัฐมนตรีเลบานอน

ในมุมมองของ ทามมาม์ ซาลาม ภัยที่จะคุกคามภูมิภาค ไม่ใช่ การคงอยู่ของ พรรคอันศอรุลลอฮ แต่ภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้น นั้น จะมีสาเหตุมาจากการแทรกแซงของต่างชาติในประเทศสเยเมน เขากล่าวว่า “การแทรกแซงจากต่างชาติในเยเมนเป็นอันตรายต่อความมั่นคงในภูมิภาคอาหรับ”[5]

 

มุมมองของประชาชนชาวปาเลสไตน์

ในมุมมองของประชาชนชาวปาเลสไตน์ การบุกโจมตีประเทศเยเมนโดยซาอุดิอาราเบีย ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ชาวปาเลสไตน์ได้รวมตัวกันประนามการกระทำของซาอุดิอาราเบีย หลังพิธีนมาซวันศุกร์ หน้ามัสยิดอัลอักศอ

 

มุมมองของประชาชนชาวปากีสถาน

ในมุมมองของประชาชนชาวปากีสถาน การบุกโจมตีเยเมนโดยซาอุดิอาราเบีย ถือเป็นการกระทำที่ผิด ทั้งนี้ ประชาชนชาวปากีถานได้รวมตัวกัน ตามจังหวัดต่างๆที่มีความสำคัญ อาทิ อิสลามาบัด การาจีย์ คุวัยตา … เพื่อประนามการกระทำในครั้งนี้

 

มุมมองของ ประชาชนเยเมน ต่อการบุกโจมตี ของซาอุดิอาราเบีย

กลุ่มที่ได้รับผลประทบมากที่สุด จากการบุกโจมตีในครั้งนี้ ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากประชาชนชาวเยเมนเอง ในมุมมองของประชาชนชาวเยเมนนั้น การจู่โจมของซาอุดิอาราเบีย เป็นการละเมิดต่อชาวเยเมนโดยตรง ซื่งเมื่อไม่นานมานี้ ประชาชนชาวเยเมน จำนวนหลายแสนคน ได้รวมตัวกัน ที่ กรุงซันอา เมื่องหลวงของประเทศ เพื่อร่วมกันประนามการกระทำของซาอุดิอาราเบีย และเรียกร้องให้หยุดยั้งการโจมตีในครั้งนี้ [6]

 

มุมมองภายในราชวงศ์อาลีซาอูด

มัตอับ บิน อับดุลลอฮ์  โอรสของอดีตกษัตริย์ อับดุลลอฮ์ บิน อับดุลอาซิส  ออกโรงเตือน โอรสของกษัตริย์ปัจจุบัน และรัฐมนตรีกลาโหม  ให้หยุดการดำเนินการปฏิบัติการโจมตีเยเมนทางอากาศโดยเร็ว เช่นเดียวกัน มัตอับ เป็นหนึ่งในบุคคลที่คัดค้านการบุกโจมตีประเทศเยเมน [7]

 

วะลีด บิน ฏอลาล นักเคลื่อนไหวชาวซาอุดิอาราเบีย

วาลิด บิน ฏอลาล ได้กล่าวแก่ ราชวงศ์ซาอุฯ ว่า  การเปิดไฟเขียวโดยอเมริกาให้กับซาอุฯ โจมตีเยเมนนั้น เป็นแผนการและกลลวงของอเมริกาที่วางไว้ให้กับซาอุฯ  ซึ่งจากวิธีการนี้เองจะสามารถบั่นทอน สร้างความอ่อนแอและนำมาซึ่งการย่อยสลายซาอุฯ ในท้ายที่สุด   ด้วยเหตุนี้ขอย้ำเตือนบรรดาเจ้าชายแห่งราชวงศ์ซาอุฯ ทั้งหลาย  จงหยุดยั้ง มุฮัมมัด บิน ซัลมาน  และมุฮัมมัด บินนาเยฟ  ที่เป็นเด็กอ่อนหัดและเด็กเมื่อวานซืนที่บ้าอำนาจ  เพราะพวกเขากำลังละเล่นกับความมั่นคง ความสงบ และอนาคตของซาอุฯ

นักเคลื่อนไหวซาอุฯ ผู้นี้กล่าวเสริมว่า   เจ้าชายและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ประจำการตามชายแดนเยเมน ได้อพยพสู่กรุงริยาดกันหมดแล้ว   โดยที่เขตชายแดนไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐหลงเหลืออยู่อีกแล้วจึงง่ายดายต่อฝ่ายตรงกันข้ามในการบุกและรุกคืบยังแผ่นดินซาอุฯ[8]

 

เคียส ฟาโร นักวิเคราะห์ชาวไซออนิสต์

เคียส ฟาโร อาจารย์ มหาวิทยาลัยไฮฟา และนักวิเคราะห์การเมือง ได้วิจารณ์ถึง การทำสงครามของซาอุดิอาราเบีย กับ เยเมนว่า กลุ่มเฮาซีย์เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาสำนักคิดที่มีอยู่ในประเทศเยเมน ซึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในเยเมนในช่วงทศวรรษที่ 90 ที่ผ่านมา และในปี 2004 ได้มีการต่อสู้กับรัฐบาลเยเมน นับจากปี 2004 จนถึงการปฏิวัติต่างๆ ของโลกอาหรับนั้น กลุ่มเฮาซีย์เองก็มีการทำสงครามต่างๆ กับรัฐบาลเยเมนถึง 6 ครั้ง และในทั้งหกสงครามดังกล่าว ซาอุดีอาระเบียได้มีการแทรกแซงโดยตรง และประสบการณ์ในหกสงครามทำให้กลุ่มเฮาซีย์ได้รับอำนาจในประเทศเยเมน” รัฐบาลซาอุฯ สามารถที่จะทำการโจมตีตำแหน่งต่างๆ ของกลุ่มเฮาซีย์ได้ด้วยกับการโจมตีทางอากาศ แต่จะไม่สามารถที่จะเข้าสู่จังหวัดเซาะอ์ดะฮ์ทางภาคพื้นดินได้ ในปี 2014 ซาอุดิอาระเบียได้เข้าสู่สงครามทางภาคพื้นดินกับกลุ่มเฮาซีย์ โดยผลของสงครามดังกล่าว กลุ่มเฮาซีย์สามารถยึดครองหมู่บ้านต่างๆ ของซาอุดิอาระเบียได้จำนวนหนึ่ง จนเป็นเหตุทำให้ซาอุดิอาระเบียต้องล่าถอย”

เคียส ได้อธิบายว่า ทางเดียวที่ ซาอุ อาจจะมีชัยในครั้งนี้ได้ คือ การได้รับความช่วยเหลือจากอิยิปต์ แต่ถึงกระนั้น การส่งกองกำลังลงในพื้นที่ ก็ถือเป็นความเสี่ยงในอีกรูปแบบหนึ่ง

เคียส ได้อธิบายถึงสาเหตุการบุกโจมตีเยเมนโดยซาอุดิอาราเบียว่า “ความวิตกกังวลของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียต่อความสำเร็จต่างๆ ที่รัฐบาลอิรักและซีเรียได้รับ (ในการปราบปรามกลุ่มก่อการร้าย) นั้น ได้บีบบังคับให้ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจโจมตีตำแหน่งต่างๆ ทางทหาร ของกลุ่มเฮาซีย์ในเยเมน แต่ทางที่ดีแล้ว เราควรจะแนะนำตักเตือนซาอุดีอาระเบียว่า พวกเขารีบเร่งในการดำเนินการมากเกินไป” [9]

 

จีน

จีนเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยต่อการรุกรานเยเมน ทั้งนี้  ฮัว ชูน อิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ได้แสดงความคิดเห็น ต่อสถานการณ์เยเมน ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างๆ โดยทางจีน เรียกร้องให้ แต่ละฝ่ายยุติความขัดแย้ง และความรุนแรงในทันที นอกจากนี้ รัฐบาลจีน ยังเสนอให้ แก้ไขปัญหาในครั้งนี้ด้วยการเจรจาอย่างสันติอีกเช่นกัน [10]

 

รัสเซีย

รัสเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยต่อการรุกรานเยเมนของซาอุในครั้งนี้ ซึ่งรัสเซีย เป็นประเทศที่สนับสนุนกลุ่มเฮาซีย์ และยังได้ประนามการกระทำของซาอุดิอาราเบีย ในคร้งนี้ อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ภาคภาษาอาหรับได้รายงานว่า รัสเซียได้ขู่จะใช้กำลังทางทหาร หากซาอุดิอาราเบีย ยังไม่หยุดบุกโจมตีเยเมน [11]

 

สหรัฐอเมริกา

สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่อยู่ข้างฝ่ายสนับสนุนให้ซาอุดิอาราเบีย บุกประเทศเยเมน ทาง BBC รายงานว่า Blinken Antony ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ได้กล่าวถึง การเร่งส่งมอบอาวุธให้ทหารซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของซาอุ โดยมี กลุ่มเฮาซีย์ เป็นเป้าหมาย นอกจากนี้ นาย แอนโทนี่ ยังเปิดเผยว่า สหรัฐ จะมอบข้อมูลและข่าวสารให้ซาอุดิอาราเบียมากขึ้น และได้จัดตั้งหน่วยงานในการประสานงานร่วมกับซาอุดิอาราเบีย [12]

อ้างอิง
[1] http://islamicstudiesth.com/index.php/news-and-articles/news/621-arab-league-destruction
[2]http://www.abnewstoday.com/%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B8%99/
[3] http://islamicstudiesth.com/index.php/news-and-articles/news/617-saudi-casey-house
[4] http://www.abnewstoday.com/%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%8B%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C-%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89-%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%AF/
[5] http://www.abnewstoday.com/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AF%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%81/
[6] http://www.abnewstoday.com/%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%AD/
[7] http://www.abnewstoday.com/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7/
[8] อ้างแล้ว
[9] http://www.islamicstudiesth.com/index.php/news-and-articles/news/630-analysts-saudi-defeatyemen
[10] http://www.irna.ir/fa/News/81563359/
[11] http://7sobh.com/content/%D8%AA%D9%87%D8%AF%DB%8C%D8%AF-%D8%B1%D9%88%D8%B3%DB%8C%D9%87-%D8%A8%D9%87-%D9%85%D8%AF%D8%A7%D8%AE%D9%84%D9%87-%D9%86%D8%B8%D8%A7%D9%85%DB%8C-%D8%AF%D8%B1-%DB%8C%D9%85%D9%86-%D8%AF%D8%B1-%D8%B5%D9%88/
[12] http://www.bbc.co.uk/persian/world/2015/04/150407_u04_yemen_coalition_us