Ali al-Qara Daghi รองเลขาธิการสหภาพนักวิชาการมุสลิมย้ำว่าการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างอาหรับและอิสลามกับผู้ยึดครองปาเลสไตน์ให้เป็นปกตินั้น เป็นสิ่งที่ต้องห้ามจากบทบัญญัติของจากศาสนาอิสลามและเป็นการทรยศอย่างรุนแรง
Ali al-Qara Daghi รองเลขาธิการสหภาพนักวิชาการมุสลิมย้ำว่า การทำให้ความสัมพันธ์อาหรับและอิสลามเป็นปกติกับผู้ยึดครองอิสราเอลนั้น บนพื้นฐานของความเห็นพ้องของนักวิชาการหลายหมื่นคนในประเทศต่างๆถือเป็นการทรยศอย่างรุนแรงต่อศาสดาและศาสนาอิสลาม
เขากล่าวในการรณรงค์ทางสื่อสาธารณะเพื่อต่อต้านการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับระบอบไซออนิสต์ภายใต้หัวข้อ “ปาเลสไตน์เป็นปึกแผ่นและเป็นหนึ่งเดียวเพื่อต่อต้านการสร้างสัมพันธ์ให้เป็นปกติ”ว่าฝ่ายที่ปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติที่อยู่ในวอชิงตัน ไม่ได้เป็นตัวแทนของชาติของตนและแปลกแยกจากชุมชนอาหรับและอิสลามโดยสิ้นเชิงและเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดก็คือพวกเขาเคลื่อนไหวตามคำสั่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
เกี่ยวกับคำพูดของชัยค์ อับดุลรอฮ์มาน อัลชุดียส ( Sheikh Abdul Rahman Al-Sadis )ชาวซาอุดิอาระเบียที่กล่าวสุนทรพจน์ในมัสยิดมักกะห์ที่เรียกร้องให้อยู่ร่วมกับอิสราเอลอย่างสันติว่า เราขอประณามคำแถลงของอัลชุดียส เกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันอย่างสนติกับศัตรูที่ยึดครองดินแดนปาเลสไตน์และมัสยิดอัลอักซอ
เขากล่าวเสริมว่าหลังจากจบการเทศนาของอัลุดียส์ ฉันได้ติดต่อเขาเป็นการส่วนตัวและถามคำถามเขาสองข้อ ข้อแรก ฉันถามว่าหากมัสยิดมักกะห์อันศักดิ์สิทธิ์ถูกยึดครอง คุณจะออกคำฟัตวา(คำวินิจฉัย)ของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับผู้ยึดครองและะประนีประนอมกับศัตรูนี้หรือไม่?และคำถามที่สองคือ คุณแสดงความเป็นเพื่อนและมิตรภาพกับศัตรูอิสราเอลได้อย่างไรในขณะที่หลายสิบโองการของอัลกุรอาน ได้เตือนอย่างชัดเจนในเรื่องนี้และเตือนไม่ให้มีมิตรภาพกับชาวยิว?
นอกจากนี้เขายังย้ำเตือนถึงโองการของอัลกุรอาน เกี่ยวกับชาวมุสลิมที่ได้รับการเตือนเกี่ยวกับการสร้างมิตรภาพกับชาวยิวและคริสเตียนที่เป็นศัตรูกับพระผู้เป็นเจ้า ศาสดาและผู้ศรัทธา
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا لَا تَتَّخِذُوا الْيَهُودَ وَالنَّصَارَىٰ أَوْلِيَاءَ بَعْضُهُمْ أَوْلِيَاءُ بَعْضٍ وَمَن يَتَوَلَّهُم مِّنكُمْ فَإِنَّهُ مِنْهُمْ إِنَّ اللَّهَ لَا يَهْدِي الْقَوْمَ الظَّالِمِينَ
ความว่า ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงอย่าได้ยึดเอาชาวยิวและชาวคริสต์เป็นมิตร บางส่วนของพวกเขาคือมิตรของอีกบางส่วน และผู้ใดในหมู่พวกเจ้าเอาพวกเขามาเป็นมิตรแล้วไซร้ แน่นอนผู้นั้นก็เป็นคนหนึ่งในพวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงแนะนำกลุ่มชนที่อธรรม
(สูเราะฮฺ อัลมาอิดะฮฺ โองการที่51 )
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا لَا تَتَّخِذُوا عَدُوِّي وَعَدُوَّكُمْ أَوْلِيَاءَ تُلْقُونَ إِلَيْهِم بِالْمَوَدَّةِ وَقَدْ كَفَرُوا بِمَا جَاءَكُم مِّنَ الْحَقِّ يُخْرِجُونَ الرَّسُولَ وَإِيَّاكُمْ أَن تُؤْمِنُوا بِاللَّهِ رَبِّكُمْ إِن كُنتُمْ خَرَجْتُمْ جِهَادًا فِي سَبِيلِي وَابْتِغَاءَ مَرْضَاتِي تُسِرُّونَ إِلَيْهِم بِالْمَوَدَّةِ وَأَنَا أَعْلَمُ بِمَا أَخْفَيْتُمْ وَمَا أَعْلَنتُمْ وَمَن يَفْعَلْهُ مِنكُمْ فَقَدْ ضَلَّ سَوَاءَ السَّبِيلِ
ความว่า โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย พวกเจ้าอย่าได้คบศัตรูของข้าและศัตรูของพวกเจ้าเป็นมิตรโดยให้ความรักใคร่แก่พวกเขา และทั้ง ๆ ที่พวกเขาปฏิเสธศรัทธาต่อสิ่งที่มีมายังพวกเจ้าคือสัจธรรม พวกเขาขับไล่ร่อซูลและโดยเฉพาะพวกเจ้า เนื่องเพราะพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺพระเจ้าของพวกเจ้า หากพวกเจ้าได้เคยออกไปต่อสู้ในแนวทางของข้า และแสวงหาความโปรดปรานของข้า (ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้คบพวกปฏิเสธศรัทธาเป็นมิตรอื่นของข้า) โดยซ่อนความรักใคร่แก่พวกเขาอย่างลับ ๆ และข้ารู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าปิดบัง และสิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผย และผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากระทำเช่นนั้นแน่นอนเขาได้หลงจากทางอันเที่ยงธรรม
(สูเราะฮฺ อัล-มุมตะหะนะฮฺ โองการที่1 )
เขาได้ชี้ถึงคำกล่าวอ้าง กรณีการสร้างสัมพันธ์แบบปกติกับรัฐเถื่อนไซออนิสต์ เพื่อบรรลุผลประโยชน์ของชาวอาหรับว่า การปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกตินี้ไม่มีประโยชน์ใด ๆ และผลประโยชน์ใด ๆ นั้นขัดกับโองการที่ชัดเจนของอัลกุรอานและแบบฉบับของท่านนบี
เขาเน้นย้ำในช่วงท้ายว่า ในความเป็นจริงแล้ว เรื่องดังกล่าวมันชัดแจ้งยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ นั่นคือการปรับความสัมพันธ์กับผู้ยึดครองให้เป็นปกติถือเป็นการทรยศอย่างร้ายแรง!!
source: tasnimnews