ยู ซุฟ กอรฺฎอวี นักการศาสนาชื่อดังของมุสลิมซุนนี ออกแถลงการณ์ในนามสมาพันธ์อุละมาอฺมุสลิมีนโลก ปฏิเสธไม่เอาด้วย กรณีการประกาศระบอบคิลาฟะฮฺอิสลามโดยกลุ่ม ISIS ทั้งนี้ มัสลัน มาหะมะ อาจารย์มหาวิทยาลัยฟาฏอนี ได้แปลแถลงการณ์ดังกล่าวและโพสต์ลงในเฟสบุ๊คส่วนตัว เมื่อวานนี้ (7 ก.ค.57) เวลา 13.30 น. มีเนื้อหาดังนี้
สมาพันธ์อุละ มาอฺมุสลิมีนโลกได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มไอสิสมาโดยตลอด จนกระทั่งมีการสถาปนารัฐอิสลามและเคาะลีฟะฮฺมุสลิมีน ซึ่งสมาพันธ์ฯเห็นว่าการประกาศในลักษณะนี้ มีความบกพร่องตามตัวชี้วัดและเกณฑ์มาตรฐานของชะรีอะฮฺอิสลามและความเป็นจริง สรุปได้ดังนี้
ประการ แรก คิลาฟะฮฺอิสลามที่อยู่บนแนวทางของนบีฯ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม คือความใฝ่ฝันของเราทุกคน และเป็นสิ่งที่จิตใจของเราถวิลหาทุกยามเมื่อ แต่อิสลามและประสบการณ์ชีวิตสอนให้เราทราบว่า โครงการที่ยิ่งใหญ่ มีความจำเป็นต่อพลังทางความคิดที่ยิ่งใหญ่และกว้างไกลเช่นกัน ต้องอาศัยความพร้อมในทุกมิติที่มีการผนึกกำลัง การมองตนเองและวิเคราะห์ฝ่ายตรงกันข้ามอย่างรอบคอบและรอบด้าน วิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง ตลอดจนสภาพปัญหาและโอกาสอย่างลุ่มลึก ไตร่ตรองและเข้าถึง
การ สถาปนารัฐอิสลามที่ยึดปฏิบัติตามหลักชะรีอะฮฺอิสลาม จำเป็นต้องคำนึงถึงศักยภาพในทุกด้าน ทั้งทรัพยากรวัตถุ ทรัพยากรมนุษย์และกำลังใจที่สามารถปกป้องสถาบันต่างๆ ในประเทศจากการรุกรานของศัตรูภายนอก มีการเตรียมความพร้อมสู่โลกภายนอก โดยใช้หลักการแนะแนวอิสลามอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ชาวโลกได้ทราบข้อเท็จจริง วัตถุประสงค์และจุดยืนต่อชาวมุสลิมีนหรือชนต่างศาสนิก ทั้งผู้เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
คิ ลาฟะฮฺตามนัยชะรีอะฮฺและฟิกฮฺ หมายถึง ความเป็นตัวแทน และเคาะลีฟะฮฺ คือ ตัวแทนของประชาชาติอิสลามที่ได้มอบคำสัตยาบันแก่เขา และอาศัยคำนิยามนี้ การบัยอะฮฺนี้จึงไม่มีผลบังคับใช้ทั้งในมิติของชะรีอะฮฺ ปัญญา และธรรมเนียมปฏิบัติ ยกเว้นด้วยความพร้อมใจของประชาชาติที่มอบให้กับเคาะลีฟะฮฺ หรือตัวแทนจากอัฮฺลุลหัลลิวัลอักดิ (กรรมการผู้ชี้ขาดในกิจการอิสลาม) ผู้นำ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มีอำนาจในการตัดสินและองค์กรมุสลิมทั่วโลก ดังนั้น อาศัยหลักการนี้ การประกาศสถาปนาคิลาฟะฮฺอิสลามของ ISIS จึงไม่มีฐานคิดที่มีน้ำหนักเพียงพอและขัดแย้งกับความจริงทางชะรีอะฮฺ
ประการ ที่สอง กิจการของรัฐอิสลามและการเมืองการปกครองในอิสลามมีรากฐานจากระบบชูรอ ดังที่อัลกุรอานกล่าวความว่า “และกิจการของเขา คือ การชูรอในหมู่พวกเขา” ( อัชชูรอ / 38 )
“และเจ้าจงชูรอพวกเขาในทุกกิจการ” ( อาลอิมรอน / 159 )
แม้ กระทั่งเรื่องเล็กๆ เช่น การให้นมลูก อิสลามยังกำชับให้มีการชูรอ ดังนั้น รัฐอิสลามและคิลาฟะฮฺ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อการชูรอ เพาะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก
ประวัติศาสตร์ ของนบีฯ จึงเต็มไปด้วยการปฏิบัติและการประยุกต์ใช้ ว่าด้วยหลักการชูรอ เช่นเดียวกันกับการเลือกตั้งเคาะลีฟะฮฺอะบูบักร อุมัร อุษมาน และอาลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม ล้วนผ่านกระบวนการชูรอทั้งสิ้น
ด้วย เหตุดังกล่าว การประกาศจัดตั้งรัฐอิสลามและเคาะลีฟะฮฺของ ISIS จึงเป็นโมฆะและไม่เป็นที่ยอมรับโดยประการทั้งปวง จึงไม่มีผลใดๆตามหลักชะรีอะฮฺ แต่กลับสร้างปัญหาและอันตรายแก่ชาวสุนนะฮ์ที่อิรักและซีเรีย มิหนำซ้ำอาจเป็นข้ออ้างอันชอบธรรมของศัตรูอิสลามในการผนึกกำลังบุกโจมตีพี่ น้องมุสลิมในอิรักและซีเรีย เราจึงขอเรียกร้องให้กลุ่ม ISIS ได้ใช้สติปัญญาและการตัดสินใจที่ตั้งอยู่บนรากฐานแห่งความเป็นจริง ตลอดจนตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินโดยพลการเช่นนี้
ประการที่สาม สมาพันธ์ฯ ขอยืนยันว่า
1. การประกาศของ ISIS นี้ หาใช่อื่นใด เว้นแต่เป็นภาพสะท้อนของการขาดการคำนึงถึงความเป็นจริง และปฏิเสธบทบาทของกลุ่มต่อต้านประชาชนที่ได้ร่วมต่อสู้อำนาจอธรรมก่อนหน้า นี้ พวกเขาประกอบด้วย กลุ่มเผ่าต่างๆ ทั่วอิรัก แต่แล้ว ISIS ประกาศโดยลำพังว่าเป็นเคาะลีฟะฮฺ โดยปฏิเสธกลุ่มต่างๆ และหันหลังกับบทบาทอุละมาอฺ ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและประชาชาติมุสลิมโดยรวม
2. การยอมรับเพียงกลุ่มเดียว และปฏิเสธกลุ่มต่างๆ ตลอดจนลดบทบาทของพวกเขาอย่างสิ้นเชิงราวกับว่าพวกเขาไม่มีบทบาทใดๆ เลย ยกเว้นกลุ่มตนเท่านั้น ถือเป็นสิ่งไร้สาระและเป็นการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้
3. การกระทำในลักษณะนี้ เป็นการเปิดประตูแห่งไฟฟิตนะฮฺอันร้ายแรง ถือเป็นสิ่งอันตรายที่ไม่สร้างผลประโยชน์ใดๆแก่ประชาชาติมุสลิมโดยรวม ฝ่ายเดียวที่รับประโยชน์อย่างเต็มที่คือ แผนการเฉือนแบ่งประชาชาติมุสลิมเป็นชิ้นๆ ที่ดำเนินการโดยศัตรูอิสลาม
4. การเชื่อมโยง “คิลาฟะฮฺอิสลาม” ว่าเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของกลุ่ม ISIS ทำให้เป็นที่เข้าใจว่า อิสลาม คือ ศาสนาแห่งความรุนแรงสุดโต่ง ตรงกันข้ามกับสันติภาพที่เป็นที่ต้องการของชาวโลก เป็นโครงการที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆกับแผนการอิสลามแม้แต่น้อย
5. การกลับมาของคิลาฟะฮ์อิสลามียะฮฺ คือ ความใฝ่ฝันของประชาชาติอิสลาม มุสลิมทุกคนต่างเฝ้าฝันการกลับมาของระบอบนี้ แต่ทุกอย่างต้องดำเนินไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มีเงื่อนไขและการเตรียมการที่ยิ่งใหญ่ในทุกมิติ ประชาชาติมุสลิมทุกหมู่เหล่าต้องมีส่วนร่วมและต้องได้รับความเห็นชอบจาก ประชาชาติมุสลิมโดยรวม มิใช่เพียงแค่ประกาศตามซอกซอยโดยพลการ โดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริง และความชอบธรรมตามหลักชะรีอะฮฺ โอ้อัลลอฮฺได้โปรดประทานปัญญาอันเฉียบแหลม ที่ไม่นำทางเราถลำสู่ความหลงงมงาย ขอได้โปรดประทานความรู้สึกที่ตื่นตัว ที่ไม่ใช่เป็นการชี้นำของอารมณ์ใฝ่ต่ำ
“และอัลลอฮฺทรงเป็นผู้พิชิตในกิจการของพระองค์ แต่ว่าส่วนใหญ่ของมนุษย์ไม่รู้” ( ยูซุฟ / 21 )
ดร.ยูซุฟ อัมเกาะเราะฎอวีย์
ประธานสมาพันธ์อุละลามาอฺมุสลิมีนโลก
ดร.อาลี มะห์ยุดดีน
เลขาธิการสมาพันธ์อุละมาอฺมุสลิมีนโลก
แปลสรุปโดย
อ.มัสลัน มาหะมะ
มหาวิทยาลัยฟาฏอนี
ฉบับภาษาอาหรับ
http://iumsonline.org/ar/default.asp?ContentID=8135&menuID=6