การก่อการร้ายของซาอุดิอาระเบียเข้าสู่ใจกลางยุโรปได้อย่างไร ?

670

alalam  – ซาอุดิอาระเบียได้ทำให้ “กรุงบรัสเซล์”  เป็นเมืองหลวงของการญิฮาดในยุโรปได้อย่างไร ?

1960 -1970

เบลเยียมต้องการแรงงานค่าจ้างต่ำ  จึงมีการส่งเสริมให้แรงงานชาวตุรกีและโมร็อกโคอพยพเข้าสู่เบลเยียม  การดำเนินการครั้งนี้ทำให้เกิดมุสลิมชนส่วนน้อยในเบลเยียม

1967

กองคลังของรัฐบาลเบลเยียมประสบภาวะวิกฤติอย่างหนัก ทำให้กษัตริย์เบลเยียมฉวยโอกาสครั้นที่กษัตริย์ “ฟัยซอล”แห่งซาอุดิอาระเบียเยือนกรุงบรัสเซล์ ได้ยืนข้อเสนอบางอย่างให้กับกษัตริย์ซาอุดิอาระเบีย

ซาอุดิอาระเบียสามารถที่จะขายน้ำมันราคาถูกให้กับเบลเยียมเพื่อแลกกับการสร้างมัสยิดแห่งแรกในประเทศพร้อมกับสามารถส่งเสริมแนวทางแบบซะลาฟีในเบลเยียม

1978

มัสยิดของซาอุดิอาระเบีย (รู้จักในนามมัสยิดกลาง)ในเบลเยียมได้เปิดอย่างเป็นทางการ ซึ่งต่อมากลายเป็นมัสยิดที่เป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมและอิสลามของซาอุดิอาระเบียในเบลเยียม และเวลาตอมากลายเป็น “บ้านแห่งแนวคิดซะลาฟี”ในใจกลางยุโรป

จากนั้นมัสยิดแห่งนี้ถูกรู้จักในนามผู้บริหารด้านกิจการมุสลิมในเบลเยียม

การเปลี่ยนแปลงความคิดของมุสลิม

นิกายที่มุสลิมผู้อพยพไปยังเบลเยียมมีความแตกต่างกับแนวคิดที่มีการเผยแพร่และส่งเสริมจากศูนย์กลางอิสลามซาอุดิอาระเบียประจำเบลเยียม  แต่เมื่อวันเลาผ่านไปมุสลิมจำนวนมากตกอยู่ใต้อิทธิพลของนักเผยแพร่ซะลาฟีและท้ายสุดเป็นพวกซะลาฟี

เหตุการณ์ในวันนี้และหลังจาก 4  ทศวรรษที่ผ่านมา

มัสยิดกลางและศูนย์กลางอิสลามซาอุดิอาระเบียกลายเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริงต่อเจ้าหน้าที่เบลเยียม

วิกีลีกส์ เผยว่า  เบลเยียมได้ขับไล่ คอลิด อัลอิบรีย์  ชาวซาอุฯ ซึ่งเป็นหัวหน้าศูนย์กลางอิสลามซาอุดิอาระเบียในกรุงบรัสเซล์เบลเยียมในข้อหาส่งเสริมแนวคิดสุดโต่ง

ในยุโรปตะวันตก เบลเยียมเป็นประเทศที่ส่งกลุ่มก่อการร้ายเข้าร่วมสมทบกับไอซิสมากที่สุด ซึ่งคิดเป็นอัตราโดยเฉลี่ยแล้ว จาก 1,000,000  คนของกลุ่มก่อการร้ายเป็นชาวเบลเยียมร้อยละ 40

เขตพื้นที่ โมลนิค  เป็นเขตพื้นที่อาศัยของมุสลิมในเบลเยียมซึ่งมีประชากรมุสลิมจำนวน 100,000   กว่าคน  และเขตพื้นที่นี้กลายเป็นศูนย์กลางของการญิฮาดในเบลเยียมและแหล่งกบดานของผู้วางแผนและผู้ปฏิบัติการก่อการร้ายในกรุงปารีสและกรุงบรัสเซล์