ชายคนนี้เป็นหนึ่งในจำนวนชาวปาเลสไตน์มากกว่า 2,600 คน ที่ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์รุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในอิสราเอลและปาเลสไตน์ ที่ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อต้นเดือนที่แล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลง
MintPress – ตำรวจอิสราเอลได้หยุดชายหนุ่มชาวปาเลสไตน์คนหนึ่งบนถนนเยรูซาเล็มเมื่อวันจันทร์ (2 พ.ย.) ในวิดีโอที่ถ่ายโดยชาวยิวอิสราเอลในที่เกิดเหตุ ตำรวจได้ร้องสั่งให้ผู้ต้องสงสัยถอดกางเกง ชายคนนั้นไม่ทำตาม แต่เปิดเสื้อขึ้นแทนแล้วหมุนรอบตัวเพื่อให้พวกเขาแน่ใจว่าเขาไม่ได้พกอาวุธหรือสวมเสื้อติดระเบิด ตำรวจไม่พอใจกับการแสดงออกนี้จึงได้สั่งให้เขาถอดเสื้อผ้าออก
มีการดูเชิงกันช่วงสั้นๆ ขณะที่เขาปฏิเสธไม่ยอมถอดกางเกง ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาทีตำรวจก็เข้ามาล้อมรอบตัวเขา และเริ่มทุบตีเขา
หลังจากนั้นวิดีโอได้ตัดภาพไปเป็นภาพเหยื่อคนนี้นอนอยู่บนพื้นโดยมีเลือดกระเซ็นอยู่บนพื้นและกำแพงรอบๆ ตัวเขา เจ้าหน้าที่คนหนึ่งนั่งทับเขาถึงแม้ว่าเขาจะถูกใส่กุญแจมือและไม่พยายามจะเคลื่อนไหวใดๆ ก็ตาม
ตำรวจสังเกตเห็นว่ามีผู้กำลังบันทึกเหตุการณ์อยู่ แต่ก็อนุญาตให้บันทึกภาพต่อไป (ควรระบุไว้ด้วยว่า นักข่าวชาวปาเลสไตน์ที่ทำงานในสถานการณ์คล้ายๆ กันนี้จะถูกทำร้ายและถูกยิงโดยกองกำลังอิสราเอล และหากปรากฏว่าการบันทึกเหตุการณ์นั้นเป็นผลงานของชาวอิสราเอล วิดีโอจะถูกชาวปาเลสไตน์อัพโหลดเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวางทางสื่อสังคม)
โดยที่ชายคนนี้ถูกจับยึดไว้กับพื้น ตำรวจได้ถอดเสื้อผ้าเขาจนเหลือแต่กางเกงชั้นใน ตำรวจถามกันว่ามีใครพบมีดบ้างไหม พวกเขาค้นกระเป๋าของชายคนนั้นแต่ไม่พบมีด
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ยืนเหนือเหยื่อและภายใต้ฉากบังหน้าของเหตุการณ์ “ที่สร้างขึ้นใหม่” เป็นการสร้างเรื่องที่ขัดแย้งกันกับที่เห็นในวิดีโออย่างชัดเจน (คำแปลและคำบรรยายภาพโดย รอนนี บาร์คาน นักเคลื่อนไหวชาวอิสราเอล) :
“ฉันจะสร้าง (เหตุการณ์) ขึ้นใหม่…
เขาวิ่งหนีมาที่นี่; ขัดขืน (การจับกุม);
เราบอกให้เขา “ยก” (มือ/เสื้อขึ้น)…
วิ่งมาจากไหน?
เปิด…ของบางคน เขาเปิดศีรษะของผู้หญิงบางคนที่นั่น;
เราหยุดตรงหน้าเขา;
เราขอให้เขายกเสื้อขึ้น; เขาปฏิเสธ
พยายามจะทำร้ายเจ้าหน้าที่;
จับกุม
ใครได้เห็นการทำร้าย (ผู้หญิงคนนั้น)?
ประชาชน”
ในตอนท้ายของวิดีโอ ชาวอิสราเอลที่บันทึกเหตุการณ์เริ่มเรียกเหยื่อคนนั้นว่า “ไอ้ลูกหมา” ด้วยภาษาอาหรับ หลังจากนั้นพวกเขาเล่นตลก ดูเหมือนจะภูมิใจที่พวกเขาได้บันทึกภาพการทุบตีชาวปาเลสไตน์ หัวเราะเยาะ คนหนึ่งพูดว่า “เราจัดเหตุการณ์บางอย่างให้แก ใช่ไหม?
เจ้าหน้าที่คนที่แนะนำให้ “สร้าง” เหตุการณ์ขึ้นมาใหม่ คิดรายละเอียดที่ไม่เคยเกิดขึ้น : ผู้ชายคนนั้นไม่ได้วิ่งหนี เขาไม่ได้ถูกสั่งให้ยกมือขึ้น เขาสมัครใจยกเสื้อของเขาขึ้นเอง เขาไม่เคยทำร้ายใครจริงๆ
จากการบอกเล่าของยูเนส อาราร์ นักเคลื่อนไหวชาวปาเลสไตน์ เหยื่อที่ตำรวจทุบตีคนนี้คือ อุมัร ฟารูค อุบัยดียา เขาเป็นผู้ช่วยสอนในแผนกฟิสิกส์ ที่มหาวิทยาลัย เบอร์ซีท ที่เขากำลังทำปริญญาโทอยู่ด้วย
จากการสนทนา ดูเหมือนตำรวจจะพยายามเชื่อมโยงอุบัยดียาเข้ากับเหตุการณ์ที่ฮาเรดี ไกด์นำเที่ยวหญิง ถูกชายปาเลสไตน์คนหนึ่งตีศีรษะด้วยขวดเมื่อช่วงเช้าของวันนั้น
แต่ถึงแม้ว่าผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์นั้นจะเป็นชายคนเดียวกันกับในวิดีโอนี้ เขาไม่มีอาวุธในขณะที่เผชิญหน้ากับตำรวจ และไม่เคยกระทำการใดที่อาจจะอธิบายได้ว่าเป็นการข่มขู่คุกคามหรือน่าสงสัย และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้กระทำผิดในเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้าของวันนั้น แต่การทุบตีนอกกระบวนการยุติธรรมนี้ก็ต้องไม่เกิดขึ้นในสังคมประชาธิปไตย สังคมประชาธิปไตยปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ใช่กฎบนท้องถนนหรือในป่า
อินติฟาด้าของซัคเคอร์เบิร์ก
บรรดาผู้นำอิสราเอลได้ระบุตัวแพะรับบาปที่สะดวกง่ายดายสำหรับสิ่งที่บางคนเรียกว่า “อินติฟาด้าครั้งที่สาม” หรือการลุกฮือขึ้นของประชาชน นั่นก็คือ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก
ชูรัต ฮาดิน เอ็นจีโอด้านกฎหมายของอิสราเอลกำลังฟ้องร้องเฟซบุ๊ค โดยกล่าวหาว่าเครือข่ายสื่อสังคมนี้ทำให้เยาวชนชาวปาเลสไตน์ติดต่อสื่อสารกันและประสานงานการต้านทานของพวกเขา
“ฟ้องเฟซบุ๊ค ตัดการเชื่อมต่อกับการก่อการร้าย” นายกรัฐมนตรีเบนจามิน ทันยาฮู ถึงกับกล่าวชื่อผู้บริหารของเฟซบุ๊คในการกล่าวตำหนิสำหรับความรุนแรงนี้
“สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้เป็นเพราะการผสมผสานกันของอินเทอร์เน็ตกับลัทธิอิสลามหัวรุนแรง” เนทันยาฮูกล่าว “มันเป็นการพบกันของอุษามะฮ์ บิน ลาดิน กับ (ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ค) มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก”
ชินเบ็ต หน่วยงานด้านความมั่นคงภายในของอิสราเอล กำลังเล่นบทบาทในเกมปริศนานี้ด้วยการจับกุมเยาวชนปาเลสไตน์เนื่องจากการโพสต์เฟซบุ๊คของพวกเขา และปฏิบัติกับพวกเขาราวกับว่าพวกเขาได้กระทำอาชญากรรมร้ายแรงมา
เหยื่อรายล่าสุดตามรายงานของนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนของอิสราเอลก็คือ ดารีน ตาตูรฺ ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังมาตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม เมื่อวันจันทร์ เธอถูกดำเนินคดีในข้อหา “ยุยงปลุกปั่น” และ “สนับสนุนองค์กรก่อการร้าย” การยุยงปลุกปั่นของเธอประกอบด้วยการอ่านบทกวี “ต่อต้าน, ประชาชนของฉัน, ต่อต้าน” เป็นเสียงประกอบวิดีโอยูทูปที่มีภาพชาวปาเลสไตน์กำลังเผายางรถ, ถูกตำรวจกลั่นแกล้ง, โบกธงปาเลสไตน์ และขว้างก้อนหิน
บทกวีที่จะถือเป็นการกระทำผิดถ้าอ่านเสียงดังประกอบด้วยถ้อยคำต่อไปนี้
“ฉันปฏิเสธ ‘การแก้ปัญหาด้วยสันติภาพ’ (กระบวนการของออสโล) ฉันจะไม่ลดธงของฉันลง ฉันจะดึงพวกเขาออกจากแผ่นดินของฉัน และอนาคตจะได้เห็นมัน ต่อต้าน โอ้ประชาชนของฉัน จงต่อต้านพวกเขา ต่อต้านทรราชย์ผู้ตั้งถิ่นฐาน… จงเดินตามขบวนของบรรดาผู้พลีชีพ จงฉีกข้อตกลงที่น่าละอายของการกดขี่และความอัปยศ”
ช่างน่าขัน กลุ่มสิทธิฯ ของอิสราเอลก็มองข้อตกลงออสโลนี้ด้วยความรู้สึกรังเกียจเท่าเทียมกัน แต่ก็ไม่มีชาวอิสราเอลสักคนที่ถูกจับกุมเพราะแสดงออกถึงความไม่พอใจเช่นนั้น ตามระบอบสองมาตรฐานนี้ ชาวปาเลสไตน์ที่แสดงออกอย่างชัดเจนถึงทัศนคติทางการเมืองแบบเดียวกันกับชาวอิสราเอล จะถือเป็นอาชญากรหรือผู้ก่อการร้ายสำหรับการทำเช่นนั้น
ตาตูรฺ ยังได้โพสต์ภาพของสตรีปาเลสไตน์เชื้อสายอิสราเอลที่ถูกตำรวจอิสราเอลยิงและได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สถานีรถโดยสารอาฟูลาเมื่อเดือนที่แล้ว มันไม่สำคัญว่า อิสรออฺ อาเบด เหยื่อที่อาฟูลา ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงอิสราเอลชุดเดียวกันนั้นว่าเธอไม่มีเจตนาก่ออาชญากรรมใดๆ
การแบ่งแยกทางศีลธรรมภาคไซออนิสต์
สภาเนสเซ็ตของอิสราเอลกำลังเพิ่มการกดดันต่อองค์กรอิสระเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ถูกมองว่าทำงานร่วมกับ “ชาวต่างชาติ” ที่ตั้งใจจะตั้งข้อหาอาชญากรรมสงกครามต่อกองทัพอิสราเอล เอวิกดอร์ ลีเบอร์แมน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศได้เคยสั่งให้องค์กรอิสระที่รับเงินทุนจากกองทุนต่างประเทศต้องเปิดเผยแหล่งเงินทุนของตนต่อสาธารณะ องค์กรอิสระปีกขวา ซึ่งได้รับเงินทุนจากต่างชาติเช่นกัน มักจะปฏิเสธที่จะเปิดเผยแหล่งเงินทุนของตน สันนิษฐานว่าถ้ากฎหมายนี้ผ่านจะเป็นการเปิดทางรอดให้แก่กลุ่มต่างๆ เช่น หน่วยงานตรวจสอบองค์กรอิสระและอื่นๆ ที่รักษาความลับเกี่ยวกับรายชื่อผู้บริจาค
อาเยเลต ชาเคด รัฐมนตรียุติธรรม ได้เสนอกฎหมายฉบับนี้เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งจะทำให้สมาชิกองค์กรอิสระคนใดก็ตามที่ไปเยือนสภาเนสเซ็ตจะต้องติด “ป้าย” ที่ระบุว่าพวกเขาเป็นผู้รับเงินทุนจากต่างชาติ มันเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ชาเคดเรียกว่า “กฎหมายเพื่อความโปร่งใส” ที่ทำให้ชาวอิสราเอลได้เห็นแหล่งที่มาของเงินทุนของกลุ่มต่างๆ ที่ถูกกล่าวหาว่าทรยศต่อรัฐ
มาซาล มาเล็ม เขียนบทความให้ Al Monitor ว่า มันเป็น “เหมือน ‘สัญลักษณ์ของคาอิน’ ชื่อที่เหมาะสมกว่าสำหรับกฎหมายที่(ชาเคด) เสนอ น่าจะเป็น “กฎหมายคัดสรร” ที่ชาวยิวได้ใช้เป็นข้ออ้างอิงในการจำแนกตัวเองออกจากตัวชาวยุโรปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในค่ายนาซี”
ในโลกแห่งความกล้าหาญใบใหม่ที่รัฐบาลปีกขวาของอิสราเอลเสนอนั้น
ประชาชนต้องเป็นคนดีหรือไม่ก็คนเลว เป็นมิตรหรือไม่ก็ศัตรู เป็นชาวอิสราเอลหรือไม่ก็ชาวปาเลสไตน์ เป็นชาวอิสราเอลหรือไม่ก็เป็นชาวต่างชาติ คนเลวจะต้องถูกตีตราไว้อย่างชัดเจนเพื่อจะได้ไม่มีการผิดพลาดในการแยกพวกเขาออกจากคนดี นี่เป็นการแบ่งแยกทางศีลธรรมในภาคของไซออนิสต์
การเสนอของชาเคดคงจะเป็นเรื่องไร้สาระถ้ามันไม่โผล่หัวอันน่าเกลียดของมันเข้ามาในบริบทของความเกลียดชังและความรุนแรงระดับมหาศาลที่กำลังรุมเร้าอิสราเอลอยู่ทุกวันนี้