โดย ฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
อัลกรุอานกล่าวว่า “บรรดา ชายผู้ศรัทธา และบรรดาหญิงผู้ศรัทธา คือผู้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในเรื่องของการกำชับส่งเสริมการทำความดี และห้ามปรามการทำความชั่ว และพวกเขาจะดำรงไว้ซึ่งการละหมาดและจ่ายซะกาต และเชื่อฟัง (อิฏออัต) อัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค์ พระองค์อัลลอฮฺจะทรงเอ็นดูเมตตาแก่พวกเขาเหล่านั้น แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง” (ซูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ โองการที่ 71)”
รากฐานทางความคิด
ปัญหา หนึ่งของสตรี คือ ไม่รู้จักสถานภาพ และบทบาทของตนเองตามทัศนะอิสลาม ถึงแม้ว่าคัมภีร์อัลกุรอานได้ใช้สรรพนามเรียกพวกเธอเหล่านั้นว่า “มุอฺมินะฮฺ” แปลว่า “ผู้ศรัทธาหญิง” สตรีมุสลิมทุกคนเป็นมุสลิมะฮฺ แต่สตรีมุสลิมทุกคนไม่ใช่มุมินะฮฺ หมายถึงมิได้เป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง
ใน โองการข้างต้นพระผู้เป็นเจ้า ทรงมีพระดำรัสว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาชาย และบรรดาผู้ศรัทธาหญิงคือผู้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” หมายความว่า แท้จริงแล้วผู้ศรัทธาชายและผู้ศรัทธาหญิงในทัศนะของพระผู้เป็นเจ้ามีความ เท่าเทียมกัน ทั้งสองเป็นเอาลียาอฺ(มิตร ผู้ช่วยเหลือ) ซึ่งกันและกัน หรือเป็นผู้แนะนำตักเตือน ในบางครั้งหญิงผู้ศรัทธาจะเป็นผู้ปกป้องหรือ ผู้ช่วยเหลือชายผู้ศรัทธา
และ ในโองการดังกล่าวยังได้ชี้ให้เห็นถึงบทบาทของผู้ศรัทธาหญิงและผู้ศรัทธาชาย ว่ามีความเท่าเทียมกัน ในบางโอกาสชายผู้ศรัทธาจะได้รับการสนับสนุนจากหญิงผู้ศรัทธาและลูกๆของพวก เขาในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ และภารกิจที่กล่าวถึงนั้น มีอะไรบ้างที่ทั้งชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธา อยู่ในฐานะเอาลิยาอฺซึ่งกันและกัน ในโองการกล่าวไว้ว่า “กำชับส่งเสริมการทำความดีและการยังยั้งห้ามปรามความชั่ว” เป็นหน้าที่ของทั้งชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธา ที่จะต้องปกป้องและขจัดวัฒนธรรมแปลกปลอมที่เข้ามาในสังคมของเราให้หมดไป เขาและเธอทั้งสองมีพันธะหน้าที่ในส่วนนี้เหมือนกัน ไม่มีความแตกต่างในเพศสภาพแต่อย่างใด
ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ตามพระบัญชาของพระองค์อัลลอฮฺ สำหรับหญิงผู้ศรัทธาและชายผู้ศรัทธานั้นเท่าเทียมกันทุกประการ ต่อมาการปฏิบัตินมาซ ทั้งชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธาก็มีภารกิจที่เท่าเทียมกัน ภรรยาต้องเป็นผู้ที่กิยามในนมาซ ต้องประสพความสำเร็จในการปฏิบัตินมาซ ชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธาจะต้องเป็นผู้ที่ยืนหยัดในนมาซ เพราะนมาซจะยับยั้งพวกเขาจากความไม่ดีงามทั้งหลาย ยับยั้งเขาจากการนินทา การให้ร้าย การกระทำในสิ่งที่ไร้สาระทั้งปวงได้ คนที่ทำให้นมาซสำเร็จคือคนที่ขจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการทำให้นมาซสำเร็จ เช่น การติดยึดอยู่กับการแต่งตัวสวยๆ งามๆ เพราะเป็นค่านิยมของคนนอก และอื่นๆ ทั้งหญิงผู้ศรัทธาและชายผู้ศรัทธา
หาก เขาเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง นมาซของเขาต้องไปถึงยังสวรรค์ด้วยกันทั้งสอง ไม่ใช่เฉพาะผู้ชาย หรือเฉพาะผู้หญิง แต่ทั้งสองคนสามีภรรยาจะต้องไปด้วยกัน สรุปคือ “การพัฒนาจิตวิญญาณให้สูงส่ง” สำหรับหญิงผู้ศรัทธาและชายผู้ศรัทธามีความเท่าเทียมกันทุกประการ การจ่ายซากาต บางครั้งเป็นวายิบ บางครั้งเกิดขึ้นด้วยความสมัครใจ การขัดเกลาจิตวิญญาณด้านการให้ การใช้ทรัพย์สินในหนทางของพระผู้เป็นเจ้านั้น ทั้งหญิงผู้ศรัทธาและชายผู้ศรัทธาจะมีความเท่าเทียมกัน ถ้าหากสามีเชิญชวนให้ภรรยาบริจาค เขาคือเอาลิยาอ์ของภรรยา
ใน เรื่องการบริจาค ถ้าภรรยาเชิญชวนสามีให้บริจาค เขาคือเอาลิยาอฺของสามีในเรื่องการบริจาค สรุปคือ “บทบาทความรับผิดชอบต่อสังคมมุสลิม” สำหรับชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธามีความเท่าเทียมกันทุกประการ การอิฏออัต (เชื่อฟัง) ต่ออัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ ชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธาจะมีการอิฏออัตอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งสตรีส่วนมากไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ แต่พวกเขาจะต้องพัฒนาตัวเอง ต้องเรียนรู้ สตรีจะต้องเรียนรู้ให้มากเท่ากับผู้ชาย และจะต้องรู้จักสถานภาพของตัวเอง และบทบาทของตัวเองในด้านต่างๆ สตรีต้องรู้ว่าเขามีความเท่าเทียมกับผู้ชายในความเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง
แต่ ปัญหาในปัจจุบันคือ ผู้หญิงไม่ค่อยพัฒนาองค์ความรู้ตัวเองในเรื่องศาสนา การพัฒนาองค์ความรู้ของผู้หญิง สตรีจะต้องติดตามข่าวสารสถานการณ์โลก เพื่อเขาจะมีความรู้ก่อนที่จะทำงาน จะสามารถนำสิ่งที่ได้รู้นั้นไปนำเสนอต่อผู้อื่นได้ สรุปคือ “การอิฎออัต (เชื่อฟัง) ต่ออัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์” สำหรับชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธามีความเท่าเทียมกันทุกประการ
บท สรุป :อิสลามถือว่า ชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธามีความเท่าเทียมกันทุกประการ ไม่มีความแตกต่างกันแม้สักนิดเดียว ทว่าในเรื่องใดบ้าง?
คำตอบคือ
1- การทำความดี การส่งเสริมการทำความดี การทำความชั่ว การยับยั้งการทำความชั่ว (การส่งเสริมการทำความดี และยับยั้งการทำความชั่ว)
2- การพัฒนาจิตวิญญาณให้สูงส่ง (การดำรงไว้ซึ่งการนมาซ)
3- บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสังคมมุสลิม (การจ่ายซากาต)
4- การเชื่อฟังต่อพระบัญชาของพระองค์อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ (การอิฎออัตต่ออัลลอฮฺและศาสดาของพระองค์)
สตรี ทุกคนจะต้องหลุดพ้นจาก “รากฐานความคิดที่ผิดพลาด” ที่ว่าสตรีไม่ได้มีความสำคัญเท่าเที่ยมกับบุรุษ เนื่องจากในโองการข้างต้น อิสลามถือว่า สตรีผู้ศรัทธาและบุรุษผู้ศรัทธามีความเท่าเทียมกันในเรื่องราวของศาสนา สตรีก็ต้องทำความดี พัฒนาจิตวิญญาณ รับผิดชอบสังคม และเชื่อฟังพระองค์และรอซูลของพระองค์เท่าเทียมกับผู้ชาย
ที่มา ahlulbait.org