จะเป็นอย่างไร ถ้าผู้นำรัฐบาล เป็นผู้มีคุณธรรมขั้นสูง ?

834

วันที่ 20 กันยายน ตรงกับ 18 เดือน ซุลฮิจญะฮ์ ตามปฏิทิน อาหรับ เป็นวันที่ตรงกับ “วันอีดฆอดีร” หมายถึง วันประกาศการแต่งตั้งผู้นำแก่ ท่าน อาลี บิน อบีฏอลิบ โดยศาสดามูฮัมมัด(ศ) ตามมุมมองของ มุสลิมชีอะฮ์  มีประเด็นที่น่าสนใจซ่อนไว้ในหลายมิติของเรื่อง และหนึ่งในมิติของมัน คือ หัวข้อบทความที่ผมตั้งไว้

ใช่ครับ มาลองคิดกันดูว่า ประเทศของเรา จะเป็นอย่างไร ถ้าคนที่ขึ้นมาเป็นผู้นำ คือ คนที่มีคุณธรรม และความเมตตามากที่สุดในชาติของเขา ? ถ้าเราวางมาตรฐานของนักการเมือง ผู้ที่จะพูดแทนเรา ด้วย”คุณธรรม” บ้านเมืองของเรามันจะเป็นอย่าง ไร บางคนอาจจะมองว่า “ของแบบนี้ มันมีอยู่แต่ในจินตนาการ คุณเพ้อฝันแล้วละ” แต่บางคนก็อาจจะบอกว่า “นักการเมืองแบบนี้แหละ ถึงจะทำให้ ชาติ บ้านเมือง   พัฒนาได้จริงๆ และมันก็เป็นไปได้”

นักการเมืองในฝันของ พวกเรา มีอยู่จริงครับ มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ผมจะแนะนำให้รู้จัก กับ สุภาพบุรุษท่านนี้  ท่าน คือ อาลี บิน อบีฏอลิบ (ขอสันติสุขพึงประสบแด่ท่าน)

ท่านเป็นผู้ที่ได้รับการโจษขานว่า มีคุณธรรมมากที่สุด มีความรู้เป็นเอกในแผ่นดิน และมีความยุติธรรมในแบบที่ถ้าใครทำผิดจะยอมรับคำตัดสิน หากมีท่านเป็นผู้พิพากษา  ช่วงเริ่มต้นสมัยที่ท่านเป็นผู้นำรัฐบาล ท่านเริ่มจากการ ทำลายระบบความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และมอบสวัสดิการ ที่ทำให้ คนทั้งแผ่นดินอาหรับ มีอาหาร และเสื้อผ้า และปัจจัยพื้นฐานเพียงพอทุกคน

ยามค่ำคืน ท่านจะแบกข้าวสาร และขนถุงนม แจกจ่ายไปตามบ้านเรือนของผู้ยากไร้ คนชรา เด็กกำพร้า หญิงม่าย และท่านกระทำแบบนี้ แบบไม่เปิดเผยตัว กว่าผู้คนจะรู้ว่า เป็นท่านมาโดยตลอดที่คอยช่วยเหลือพวกเขา ในยามโดดเดี่ยว ก็ตอนช่วงสามวันสุดท้ายก่อนท่านสิ้นใจเสียแล้ว (ท่านถูกดาบอาบยาพิษฟันบริเวณศรีษะ จึงทำให้ไม่สามารถออกไปแบกข้า วสาร และแจกจ่ายอาหาร อีกทั้งถุงนมให้กับเด็กกำพร้า ความที่ คนเหล่านี้ ไม่เห็นชายนิรนามมาหา เป็นเวลาสองราตรี จึงทำให้พวกเขาสืบหา แล้วจึงรู้ว่า ที่แท้ คนที่คอยช่วยพวกเขา มาโดยตลอด คือ ผู้นำแผ่นดิน นี่เอง)

“ตักวา”(มีความหมายคล้ายกับหิริโอ ตัปปะ) “ความยุติธรรม” และความเมตตา” เป็นหลักมาก่อนสิ่งอื่นใด ในแนวทางรัฐบาลของท่าน ทั้งสามถือเป็นฐานในระบบตุลาการ นิติบัญญัติ และบริหาร รัฐสภา นอกจากนี้ ในสมัยของท่าน ท่านได้ สร้างบัญญัติสิทธิประชาชน ภายใต้อำนาจการปกครอง มีสิทธิของผู้นำ สิทธิของประชาชน สิทธิสตรี สิทธิของเด็ก สิทธิคนชรา สิทธิคนพิการ สิทธิครอบครัว แม้แต่ สิทธิศัตรู ท่านก็ยังบัญญัติไว้ นอกจากนี้ ยังมี สิทธิย่อย รองลงมา คือ สิทธิของสัตว์ สิทธิของพืช หรือ อาจจะเรียกว่า นโยบายรักษาสิ่งแวดล้อม ในภาษาปัจจุบัน ก็ได้ ภาพความหวาดกลัวภายใต้การปกครองของศาสนา กลายเป็นเรื่องโกหกไปเลย เมื่อใช้ แว่นตาวิชา ประวัติศาสตร์ ส่องมาดูยุคสมัย รัฐบาลของอาลี(อ)

ใน เรื่องการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และแม่ทัพนายกอง ท่านเลือกบุคลากร โดยพิจารณา จาก คุณธรรม ความรู้ และสติปัญญา เป็นหลัก ย้อนกลับมาดูยุคของเรา ธรรมะเหล่านี้ กลายเป็นของที่จัดอยู่ในคุณลักษณะหายากของนักการเมือง เราพิจารณานักการเมืองจากใบปริญญา และนโยบายที่ได้สัญญาไว้ ก่อนที่จะใช้ดุลพินิจมองหา “คุณธรรม” ยิ่งในประเทศที่ยึดปรัชญาการเมืองแบบตะวันตก ยิ่งหายากเข้าไปอีก เพราะ”คุณธรรม” ไม่อาจนำมาเป็นเงื่อนไข ในการเป็นผู้นำในสายปรัชญานี้ได้ เพราะ ปรัชญาจริยธรรมของฝรั่งเขามองว่าเราแต่ละคนมอง”คุณธรรม” ต่างกัน

อย่างไร ก็ตาม แม้จะปกครองด้วยความการุณ และความเป็นธรรมเพียงใด ท่านก็มีศัตรู การมีอริสำหรับท่าน ไม่ได้สะท้อนถึงความบกพร่อง แต่มันสะท้อนถึงการยืนหยัด ในแนวทางที่ยึดมั่นถือมั่น

มันมีพลังผลักไส และพลังดึงดูด อยู่ในตัวของ อาลี ครับ  และมันก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัว ของเราอยู่ทุกคน หมายความว่า ถ้าเราทำแต่ความดี คบแต่เพื่อนดีๆ ใจสุจริต คิดแต่เมตตา สิ่งดีๆก็จะดึงดูดมาหาเรา และสิ่งเลวร้าย ที่ไม่ดีงาม คนเลว ก็จะค่อยๆถูกผลักไสจากตัวเรา ในทางกลับกัน ถ้าทำแต่สิ่งเลวทราม สิ่งดีๆ ก็จะค่อยๆกระเดนหลุดออกจากตัวไปทีละช้าๆ ในเรื่องของอาลี ด้วยเหตุเพราะ ท่านจัดระบบการปกครอง และวางนโยบายที่ทำให้ไม่สามารถคอรับชั่น และเล่นเส้นสาย ตะกายสู่เก้าอี้ได้จึงทำให้ บุคคลที่มีปัญหา ไม่อาจยอมรับ การปกครองแบบนี้ได้

เรา รู้เรื่องนี้ ได้จากผู้สังหารท่าน นักฆ่าท่าน ถูกล่อให้ลอบสังหาร ด้วยรางวัล คือ การใช้ผู้หญิงเป็นเหยื่อล่อ คือ การจุดไฟกาม อันเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ ที่นำไปสู่การสังหาร บุรุษผู้มีคุณธรรมที่สุดในแผ่นดิน

ชีวิตทั้งหมดของบุรุษผู้มีนามว่า อาลี (อ) อันเป็นที่มาของชื่อที่ คนรุ่นหลัง นิยมใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน เริ่มด้วยคำว่า “พระเจ้า” และ จบลงด้วยคำว่า “พระเจ้า” ผู้มีฉายา “สุภาพบุรุษผู้ติดดิน” เพราะ การเป็นผู้นำ การเป็นนักการเมืองของท่าน ไม่ได้ทำให้ บ้านของท่าน หลังใหญ่ขึ้น ก่อนมีอำนาจอยู่อย่างไร ตอนมีอำนาจ ก็อยู่อย่างนั้น ท่านไม่แม้แต่จะสวมเสื้อผ้าเนื้อดี เพราะท่านตั้งเจตนาว่า จะอยู่อย่างผู้ยากไร้ภายใต้การปกครอง เพื่อให้รู้สึกแบบเดียวกับที่พวก เขารู้สึก หิวแบบเดียวกับที่พวกเขาหิว และเข้าถึงหัวใจของพวกเขา และนี่คือ หนึ่งในแสนเรื่องราวของ สุภาพบุรุษแห่งพระเจ้า ผู้มีนามว่า อาลี (อ)